Read in 1 minute (อ่านแบบย่อ)
ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ
ยาคุม 21 เม็ด เหมาะสำหรับคนที่เคยกินยาคุมมาบ้างแล้ว
เริ่มกินยาเม็ดแรก ในช่วงวันที่ 1 – 5 ระหว่างมีประจำเดือน กินวันละ 1 เม็ด ตามลำดับลูกศรที่อยู่บนแผงยาในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน และจำเป็นต้องกินจนหมดแผง แล้วหยุด 7 วัน จึงเริ่มยาแผงใหม่
ยาคุม 24+4 เม็ด เหมาะกับสาวๆ มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มกินยาคุม
เริ่มกินเม็ดที่ 1 วันที่ประจำเดือนมาวันแรก ตามลำดับลูกศรที่อยู่บนแผงยาในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวันจนหมดแผง และเริ่มแผงใหม่ในวันถัดไปได้เลย
ยาคุมกำเนิด เป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพ และเป็นที่นิยมลำดับต้น ๆ ในบรรดาการคุมกำเนิดหลายชนิด เพราะหาซื้อได้ง่าย มีความปลอดภัย และยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ ที่นอกจากเหนือการคุมกำเนิดอีกด้วย
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า เราควรต้องกินยาคุมแบบไหน ช่วงเวลาใด หรือกระทั่งต้องเลือกยาคุมแบบไหนจึงจะเหมาะกับเรา วันนี้จะไปทำความรู้จักกับ ชนิดของยาคุมกำเนิด รวมถึงวิธีการกินยาคุมที่ถูกต้อง เพื่อให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ยาคุมแบบ 21 เม็ด กับ ยาคุมแบบ 24+4 เม็ด ต่างกันอย่างไร แล้วเลือกยาคุมแบบไหนดี?
ยาคุมกำเนิด ทั้ง 2 แบบ เป็น ยาคุมฮอร์โมนรวม ซึ่งนิยมใช้กันโดยทั่วไป
1.ยาคุมแบบ 21 เม็ดเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เป็นยาคุมที่มีฮอร์โมนครบทุกเม็ด
ประกอบไปด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสโตเจน (Progestogen) ที่จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์
โดยตัวยาทั้ง 21 เม็ดจะมีฮอร์โมนเท่ากันทั้งหมด ซึ่งบนแผงมักจะระบุวัน ไล่ตั้งแต่วันจันทร์ – วันอาทิตย์ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณลืมทานยาในวันนั้นๆ
สำหรับยาคุมแบบนี้ก็มีตัวยาที่หลากหลาย เช่น Cyproterone Acetate, Chlormadinone, Levonorgestrel โดยยาคุมกำเนิดที่มีตัวยา ดรอสไพรีโนน (Drospirenone) จะเหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการรักษาสิว และกลัวอ้วนหรือน้ำหนักขึ้นโดยเฉพาะ
2.ยาคุมแบบ 24+4 เม็ด
เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เช่นเดียวกับยาคุมแบบ 21 เม็ด แต่ยาคุมชนิดนี้จะมีตัวยาฮอร์โมน 24 เม็ด ส่วนอีก 4 เม็ดจะเป็นเม็ดแป้ง ซึ่งเม็ดยาจริงกับเม็ดแป้งจะมีขนาด และสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสน
ด้วยจำนวนเม็ดยาฮอร์โมนที่มากกว่า จึงทำให้ฮอร์โมนในร่างกายคงที่ ไม่แปรปรวน ยาคุมชนิดนี้จึงช่วยลดอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ได้ อาทิ อาการปวดท้องประจำเดือน ตัวบวม พุงป่อง คัดตึงหน้าอก เป็นสิวเมนส์ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดเหวี่ยงวีน เป็นต้น
ซึ่งยาคุมแบบ 24+4 เม็ดนี้จะเป็นสูตรฮอร์โมนต่ำ ที่มีฮอร์โมน เอธินิล เอสตราไดออล (Ethinylestradiol) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า EE เพียง 15 – 20 ไมโครกรัม ที่ช่วยลดผลข้างเคียง ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว เป็นต้น
ตัวยายังประกอบไปด้วย ดรอสไพรีโนน (Drospirenone) หรือเจสโตดีน (Gestodene) ซึ่งเหมาะกับสาว ๆ ที่มีปัญหาสิว และไม่อยากอ้วน เพราะทั้ง 2 ตัวยานี้ช่วยต้านฮอร์โมนเพศชาย ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ผิวมัน อีกทั้งช่วยต้านการบวมน้ำ ไม่ทำให้อ้วนหรือน้ำหนักขึ้น
หากสาวๆสนใจว่ายาคุมมีประโยชน์อะไรบ้าง เข้ามาอ่านบทความนี้ เพิ่มเติมได้เลยค่ะ “ ประโยชน์ของยาคุมแบบ 24+4 เม็ด “
ยาคุมแบบไหนเหมาะกับเรา
ยาคุมทั้ง 2 ชนิด มีความแตกต่างกันด้านจำนวนเม็ด แล้วเราต้องเลือกยาคุมกำเนิดแบบไหน หรือแบบไหนที่เหมาะกับเรา ?
- ยาคุมแบบ 21 เม็ด เหมาะสำหรับคนที่เคยกินยาคุมมาบ้างแล้ว เพราะเมื่อกินหมดแผงแล้ว จะต้องเว้น 7 วันก่อนเริ่มแผงใหม่ และเมื่อหยุดกินประมาณ 1-3 วัน ประจำเดือนจะเริ่มมาปกติ
- ยาคุมแบบ 24+4 เม็ด เหมาะกับสาวๆ มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มกินยาคุม เพราะยาคุมแบบนี้ ไม่ต้องเว้นช่วง 7 วัน หากกินจนหมดแผงแล้ว สามารถเริ่มแผงใหม่ได้เลย
วิธีการกินยาคุมที่ถูกต้อง
สาวๆ หลายคนพอเห็นแผงยาคุมแล้วก็อาจจะงง มีหลายเม็ด แถมยังมีลูกศรชี้ไปมาเต็มไปหมด แต่ว่าวิธีการกินยาคุมที่ถูกต้อง ต้องเริ่มกินจากวันไหน หรือเริ่มกินวันแรกเมื่อไหร่ วันนี้ซิสจะมาแนะนำวิธีกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้องให้สาวๆ กันค่า
- ยาคุมแบบ 21 เม็ด
เริ่มกินยาเม็ดแรก ในช่วงวันที่ 1-5 ระหว่างมีประจำเดือน
วันละ 1 เม็ด ตามลำดับลูกศรที่อยู่บนแผงยา ให้กินในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน เช่น หลังอาหารหรือก่อนนอน
จำเป็นต้องกินจนหมดแผง และต้องเว้นช่วง 7 วัน เพื่อให้เป็นช่วง “ปลอดฮอร์โมน” ซึ่งประจำเดือนจะมาในช่วงเว้นยา 7 วันนี้ แล้วจึงเริ่มขึ้นแผงใหม่
- ยาคุมแบบ 24+4 เม็ด
เริ่มกินยาเม็ดที่ 1 ในช่วงวันที่ 1-5 ระหว่างมีประจำเดือน
กินวันละ 1 เม็ดตามลำดับลูกศรที่อยู่บนแผงยา ในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน
กินจนหมดแผงครบทั้ง 28 เม็ดแล้ว สามารถเริ่มแผงใหม่ในวันถัดไปได้เลย (หากลืมทานยาคุมเม็ดแป้งหรือเม็ดสีขาว ไม่จำเป็นต้องกินชดเชย เพราะไม่มีตัวยาอะไร)
แม้การกินยาคุมจะถือเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงที่มีความปลอดภัย และแม่นยำ แต่การรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือสอบถามจากร้านขายยา ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้เราได้รับยาคุมที่เหมาะกับตัวเอง และสามารถกินยาคุมได้อย่างปลอดภัย และเกิดประสิทธิภาพอย่างมากที่สุด
หากสาว ๆ ท่านไหนยังมีข้อสงสัย หรืออยากได้คำแนะนำในด้านการเลือกใช้ยาคุมกำเนิด สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนและการคุมกำเนิดได้ที่.. ‘PHARMASIS’ ร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิง ตามร้านขายยาที่อยู่ใกล้บ้านของทุกคนได้เลยค่ะ
ค้นหาร้านขายยาที่เข้าใจผู้หญิงใกล้บ้านได้ตามลิงก์นี้เลยนะคะ คลิก